ประวัติทางการเมือง ของ ซิลวีโอ แบร์ลุสโกนี

ซิลวีโอ แบร์ลุสโกนีเป็นหัวหน้าพรรคการเมืองชื่อว่า ฟอร์ซา อิตาเลีย (ที่เขาได้จัดตั้งขึ้นเป็นการพิเศษ เพื่อเป็นการปูทางเข้าสู่ถนนทางการเมืองของตนเอง ที่เขาอ้างว่าเป็นการกระทำ"โดยชอบธรรม") และยังเป็นเจ้าของบริษัทฟินอินเวสต์ จักรวรรดิสื่อสารมวลชนในประเทศอิตาลี (ที่ควบคุมกิจการของมีเดียเซ็ตอีกต่อหนึ่ง) ในฐานะผู้ประกอบการ เขามีความสนใจในธุรกิจหลากหลายประเภท และสามารถควบคุมสื่อส่วนใหญ่ในประเทศอิตาลีได้ โดยไม่ทางตรงก็ทางอ้อม (โดยเฉพาะอย่างยิ่งสถานีโทรทัศน์หกช่องในประเทศ ที่ สามช่องเป็นของเอกชน และสามช่องเป็นของรัฐ โดยที่เขาสามารถควบคุมสามช่องหลังได้ในฐานะหัวหน้ารัฐบาล) ในการจัดอันดับมหาเศรษฐีโลกของนิตยสารฟอร์บ ได้ระบุว่าเขาเป็นบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในประเทศอิตาลี โดยมีทรัพย์สินรวมเป็นมูลค่าทั้งสิ้นราว 12,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปีค.ศ. 2004)

ประสบความสำเร็จในวงการธุรกิจ

ในปีค.ศ. 1960 ซิลวีโอ แบร์ลุสโกนีได้เริ่มอาชีพผู้ประกอบการในธุรกิจที่เกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ เขาได้ร่วมเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับนายปีเอโทร คานาลีในการจัดตั้งบริษัทคานตีเอรี รีอูนีตี มีลาเนซี อาส.ปา.อา. และได้ก่อสร้างคอมเพล็กซ์เพื่อการพักอาศัยเอดีลนอร์ด ตามมาด้วย มีลาโน 2 มีลาโน 3 และ จีราโซล ในนครมิลาน

ในปีค.ศ. 1978 เขาได้เปิดตัว เทเลมีลาโน สถานีโทรทัศน์เคเบิลในคอมเพล็กเพื่อการอยู่อาศัย มีลาโน 2 ซึ่งต่อมาสถานีโทรทัศน์ดังกล่าวก็ได้แพร่ภาพไปทั่วทั้งแคว้นลอมบาร์ดี และต่อมา เขาก็ได้ก่อตั้งบริษัทฟินอินเวสต์ บริษัทแม่ของกลุ่มกิจการ ซึ่งต่อมาได้ดำเนินกิจการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับวงการโทรทัศน์ทั้งหมด

ในปีค.ศ. 1980 เขาได้ก่อตั้งสถานีโทรทัศน์ คานาเล ชิงเก ซึ่งเป็นเคเบิลทีวีเอกชนแห่งแรก ที่มีการออกอากาศทั่วประเทศ (โดยอาศัยเทคนิคการอัดรายการล่วงหน้าสามวัน แล้วสำเนาเทปแจกจ่ายไปยังสถานีท้องถิ่น เพื่อออกอากาศพร้อมกันทั่วประเทศ) จากนั้นเขาก็ได้ซื้อกิจการสถานีโทรทัศน์ อิตาเลีย อูโน จากกลุ่มธุรกิจรุสโกนี (ค.ศ. 1982) และสถานีโทรทัศน์ เรเต กวาโตร จากกลุ่มธุรกิจริซโซนี (ค.ศ. 1984) ในเวลาไม่นาน เขากิจการของเขาก็ได้แพร่ขยายไปในกลุ่มประเทศต่าง ๆ ในทวีปยุโรป เขาได้ซื้อกิจการสถานีโทรทัศน์ ลา ซังก์ ของฝรั่งเศส (ค.ศ. 1986) จากนั้นก็เทเลฟุนฟ์ ของเยอรมนี ในปี(ค.ศ. 1987) จากนั้นก็ซื้อกิจการช่องเทเลซิงโก ในประเทศสเปน (ค.ศ. 1989)

ในปีค.ศ. 1989 เขายังได้ซื้อกิจการของสำนักพิมพ์มอนดาโรี และทำให้สำนักพิมพ์นี้กลายเป็นสำนักพิมพ์หนังสือและนิตยสารยักษ์ใหญ่แห่งหนึ่งของประเทศ จากนั้น การร่วมทุนกับกลุ่มเมดูซา และซีเนมา ชิงเก ทำให้กลุ่มธุรกิจนี้กลายเป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่ายภาพยนตร์ที่ใหญ่ที่สุดในอิตาลี ในปีค.ศ. 1986 เขาได้ซื้อทีมฟุตบอลเอซี มิลาน นอกจากนั้น ในส่วนของธุรกิจประกันภัยและไฟแนนซ์ เขาเป็นเจ้าของบริษัทเมดีโอลานุม และโปรกรามมา อิตาเลีย

เครือธุรกิจฟินอินเวสต์ของเขา เป็นกลุ่มธุรกิจเอกชนขนาดใหญ่อันดับสองของประเทศอิตาลี

ก้าวสู่ถนนการเมือง

จากการที่แบร์ลุสโกนีเป็นเพื่อนเก่าแก่ของนายกรัฐมนตรีเบตตีโน คราซี ประธานสภาที่ปรึกษาแห่งชาติสังกัดพรรคสังคมนิยม เขาจึงถูกกล่าวหาว่าได้ใช้อำนาจทางการเมืองเอื้ออำนวยกิจการของตนในฐานะผู้ประกอบการ ชื่อของเขาปรากฏอยู่บนบัญชีหางว่าวอันยาวเหยียดของกลุ่มล็อกเจีย มาซโซนีกา เปดูเอ (องค์กรติดอาวุธต่อต้านสาธารณรัฐที่ต้องการก่อการยึดอำนาจ) จุดเริ่มต้นของปฏิบัติการต่อต้านคอรัปชั่น มานี ปูลีเต ดูเหมือนจะเป็นเหตุผลหลักให้แบร์ลุสโกนีต้องก้าวสู่เส้นทางการเมือง

ในปีค.ศ. 1994 เขาได้ตัดสินใจเข้าสู่วงการการเมือง และเป็นผู้สมัครจากพรรคฟอร์ซา อิตาเลีย พรรคการเมืองที่เขาสร้างขึ้นมาเองเพียงสองเดือนก่อนการเลือกตั้ง เพื่อเข้าชิงเก้าอี้ในการเลือกตั้งสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ซึ่งเขาก็ได้รับชัยชนะอย่างท่วมท้นจากการใช้สื่อโทรทัศน์ในการโหมโฆษณาประชาสัมพันธ์อย่างหนัก ซึ่งนับว่ารูปแบบแปลกใหม่ที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนในประวัติศาสตร์การเมืองของอิตาลี ในที่สุด เขาก็ได้ก้าวถึงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี โดยการจัดตั้งรัฐบาลผสมร่วมกับพรรคเลกา นอร์ด และพรรคอาลีอานซา นาซีโอนาเล แต่ในอีกไม่กี่เดือนต่อมา เขาก็ต้องลาออกจากตำแหน่งหัวหน้ารัฐบาลเนื่องจากพรรคแนวร่วมตอนเหนือ (เลกา นอร์ด) พรรคร่วมรัฐบาลได้ถอนตัวออกไปรวมกับฝ่ายค้าน

ในปีเดียวกัน ทางการอิตาลีได้เข้าตรวจค้นสำนักงานกว่า 560 แห่งของกลุ่มธุรกิจฟินอินเวสต์ และแบร์ลุสโกนีที่ดำรงตำแหน่งรักษาการประธานสภาที่ปรึกษาแห่งชาติได้รับเชิญให้การต่อศาลที่นครมิลาน ขณะที่เขากำลังเป็นประธานในการประชุมองค์การสหประชาชาติว่าด้วยเรื่องอาชญากรรมที่เมืองเนเปิล จากเหตุการณ์นี้ เขาได้กลายเป็นบุคคลขาวสะอาดขึ้นมาทันที จากการที่ศาลตัดสินใจไม่ดำเนินคดี แบร์ลุสโกนีได้ฟ้องกลับต่อคณะมนตรียุติธรรม ว่ากลุ่มผู้พิพากษาในนครมิลานได้รวมหัวกันดำเนินการขัดต่ออำนาจรัฐ

จากรัฐบาลแบร์ลุสโกนีสองสู่แบร์ลุสโกนีสาม

รัฐบาลแบร์ลุสโกนีสอง ที่เริ่มการบริหารประเทศตั้งแต่วันที่ 11 มิถุนายน ค.ศ. 2001 ยังคงอยู่ในอำนาจต่อไป แม้ว่าจะต้องเผชิญกับวิกฤติการณ์เล็ก ๆ น้อย ๆ และวิกฤตการณ์ถาวร (การเปลี่ยนคณะรัฐมนตรี 19 ครั้ง รวมถึงการเปลี่ยนตัวรัฐมนตรีในกระทรวงสำคัญ ๆ เป็นต้นว่ารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการเศรษฐกิจ รองประธานสภาที่ปรึกษาคณะรัฐมนตรีแห่งชาติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงปฏิรูป) อย่างไม่หยุดหย่อน จนกระทั่งหมดวาระเมื่อวันที่ 20 เมษายน ค.ศ. 2005 ทำให้รัฐบาลของเขาเป็นรัฐบาลอิตาเลียนที่อยู่ในวาระนานที่สุดตั้งแต่ช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่สองเป็นต้นมา แบร์ลุสโกนีได้ผ่านวิกฤตการณ์ที่ร้ายแรงที่สุดมาตั้งแต่วันที่ 15 เมษายน ค.ศ. 2005 จากการที่พรรคสหภาพคริสเตียนเดโมแครต (UDC) ของพวกคริสเตียนประชาธิปไตย หนึ่งในพรรคร่วมรัฐบาลผสมสองพรรค ขอถอนตัว ทำให้แบร์ลุสโกนีต้องลงเอยด้วยการยื่นใบลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีกับประธานาธิบดีคาร์โล อาเซกลีโอ คีอามปี แห่งสาธารณรัฐอิตาลีเมื่อวันที่ 20 เมษายน ค.ศ. 2005 ซึ่งก็อนุญาตให้เขาลาออกอย่างสงวนท่าที ไม่ว่าเพื่อต้องการจัดตั้งรัฐบาลแบร์ลุสโกนีสาม (โดยไม่มีพรรคพันธมิตรสองพรรคเดิมมาร่วมรัฐบาล) หรือไม่ก็เรียกร้องให้มีการเลือกตั้งทั่วไปที่คาดผลได้ล่วงหน้า (ซึ่งมีขึ้นเมื่อในเดือนมิถุนายน ค.ศ. 2005) เมื่อวันที่ 22 เมษายน ค.ศ. 2005 เวลา 18 นาฬิกา 30 นาที ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐอิตาลีได้เป็นตัวตั้งตัวตีในการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ ที่จะต้องมีรัฐมนตรีหลายตำแหน่งมาจากพรรคสหภาพคริสเตียนเดโมแครต เมื่อวันที่ 23 เมษายน เวลา 12 นาฬิกา 50 นาที เขาได้นำเสนอรายชื่อคณะรัฐมนตรี 26 คนของคณะรัฐบาลแบร์ลุสโกนีสาม โดยไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆมากมาย นอกจากการที่นายจูลีโอ เทรมอนตีเข้ามาดำรงตำแหน่งรองประธานที่ปรึกษาคณะรัฐมนตรี แทนที่นายมาร์โค โฟลลีนี และการก่อตั้งกระทรวงใหม่ขึ้นมาโดยไม่มีรัฐมนตรีเพื่อบริหารองค์กรเพื่อการพัฒนาแคว้นต่าง ๆ ทางภาคใต้ของประเทศอิตาลี

แหล่งที่มา

WikiPedia: ซิลวีโอ แบร์ลุสโกนี http://cantic.bnc.cat/registres/CUCId/a10582435 http://www.msnbc.msn.com/id/44567847/ns/world_news... http://catalogo.bne.es/uhtbin/authoritybrowse.cgi?... http://katalog.nsk.hr/F/?func=direct&doc_number=00... http://uli.nli.org.il/F/?func=direct&doc_number=00... http://data.bibliotheken.nl/id/thes/p255670982 http://mak.bn.org.pl/cgi-bin/KHW/makwww.exe?BM=1&N... http://www.bbc.co.uk/news/world-europe-13755610 http://www.bbc.co.uk/news/world-europe-15708729 https://www.forbes.com/profile/silvio-berlusconi/?...